โดย..ลูกแม่ค้า
ชีวิต คือ การเดินทาง
ที่มีบ้านเป็นจุดหมายปลายทางเสมอ
ไม่ว่าบ้านนั้นจะหลังใหญ่หรือหลังเล็ก
จะราคาถูกหรือราคาแพง
บ้านเป็นที่พักพิงอาศัย
เป็นศูนย์รวมของสมาชิก
ในครอบครัว
เป็นที่ที่มีความรัก
ความเข้าใจ ความอบอุ่น
ที่ไหน ๆ
ก็ไม่มีความสุข
เท่า
"บ้านของเรา"
บ้านหลังแรกที่ดิฉันอยู่ตั้งแต่เกิด
อยู่ในจังหวัดทางภาคเหนือ
เป็นบ้านที่พ่อแม่ของดิฉัน
ปลูกสร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงของท่านทั้ง 2
เป็นบ้าน 2 ชั้น "ครึ่งไม้ ครึ่งปูน"
ซึ่งในขณะปัจจุบัน
ปลวกกำลังกินไปแล้ว
มากกว่า 30 %
ดิฉันเรียนจบจากสถาบัน
ที่มีช้างชูคบเพลิงเป็นสัญลักษณ์
มีชื่อรุ่นว่า"ลูกแม่ค้า"
BA. 38 วิชาเอกบริหาร วิชาโทบัญชี
ในรุ่นของเรามีผู้ชายน้อยมาก
ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
รวมตัวกันที่ซุ้มทีไร
ก็จะมีแต่เรื่องเมาท์กันสารพัดเรื่อง
แย่งกันพูด เหมือนที่นี่เป็นตลาดสด
บ้านหลังที่สองของฉัน คือ
บ้านที่เป็นทั้งที่ทางทำมาหากิน
และเป็นที่พักอาศัย
เป็นอาคารพาณิชย์ห้องเล็ก ๆ
ในตลาดสดแห่งหนึ่ง สมัยเรียน
ชื่อรุ่นคือ "ลูกแม่ค้า"
แต่ปัจจุบันดิฉันคือ
แม่ค้าจริง ๆ ดิฉันและสามี
เราเริ่มสร้างครอบครัวกันที่นี่
ค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ
โดยอาศัยกำลังแรงกายของเราเอง
ขายของหนัก แต่ได้กำไรน้อย
กำไรกิโลกรัมละ 1 บาท
สะสมทีละเล็ก ทีละน้อย
เก็บเหรียญห้าบาท สิบบาท ไปเรื่อย ๆ
จนถึงวันนี้เข้าสู่ปีที่ 13
เหตุผลตอนนั้น ทำไมถึงต้องเก็บเงิน
ดิฉันจำได้ไม่เคยลืม
เหตุก็เพราะตอนนั้น
เราต้องเช่าบ้านเขาอยู่
ต้องจ่ายค่าเช่าทุก ๆ เดือน
เดือนละหลายพันบาท
อาคารพาณิชย์หลังนี้
เป็นของเจ้าของตลาด
เราได้สิทธิ์อาศัยแค่ 30 ปี
ถ้าครบกำหนดก็จะเป็นของ
เจ้าของเดิม หากจะค้าขายต่อ
ก็ต้องทำสัญญาจ่ายค่าเช่าใหม่
ความคิดในตอนนั้น
หากครบ 30 ปี
พวกเราจะอายุ 55 ปี
ถึงตอนนั้นถ้าสุขภาพไม่ดี
ทำต่อไปไม่ไหว
แล้วเราจะไปอาศัยอยู่ที่ไหน
ที่ทางก็ไม่มี บ้านก็ไม่มี
เพราะฉะนั้น
ลำบากก่อน
สบายทีหลังดีกว่า
เก็บหอมรอมริบไปเรื่อย ๆ
เอาไว้เผื่อปลูกบ้านของเราเอง
ในวันข้างหน้า
- โปรดอ่านต่อหน้าถัดไป -