เพื่อการว่าจ้างผู้รับเหมา สร้างบ้าน แบบ win win

เรื่องเล่า.....บ้านเสาเอก บ้านริมแม่น้ำนครชัยศรี

โดย..เสาเอก

ตอนที่ 22 : ส่งงาน และการตรวจรับบ้าน (1)

ถึงเวลาที่ต้องจากลา ... ในที่สุดก็มาถึงวันที่บ้านสร้างเสร็จหลังจากผ่านน้ำท่วม

วัสดุมาส่งไม่ได้ งานล่าช้า เกือบ 2 ปี ของการก่อสร้าง กำหนดตรวจรับบ้าน รอบที่ 1 วันที่ 27 มกราคม 2556

ผู้รับเหมาบอกว่าจะต้องมีการแก้ไข อย่างน้อย ๆ ส่วนมากตรวจกันประมาณ 3 รอบครับ

รอบแรกอาจมีจุดที่แก้ไข 60 จุด พอแก้ไขเสร็จ

ตรวจรอบที่ 2 ต่อก็จะเหลือที่ต้องแก้เพิ่มเติมไม่มาก เหลือเก็บตกเล็กน้อย

จากนั้นก็พร้อมส่งมอบบ้าน และรับประกันตัวบ้าน 1 ปี หากอยู่ไปเกิดมีปัญหาตามมา

เช่น น้ำไหลไม่แรง ซึ่งอาจมีวัสดุอุดตัน สีมีรอยแตกหรือหลุดร่อน จะเข้ามาดูแลให้ภายใน 1ปี

 

ก่อนตรวจรับบ้าน ต้องทำอย่างไร ไม่มีความรู้มาก่อน เพราะบ้านหลังนี้เป็นหลังแรกของเรา

เหมือนเช่นเคย ความรู้มีอยู่ทุกที่ internet ทุกครั้ง ศึกษาหาอ่านดังนี้

 

การตรวจรับบ้านนั้น สิ่งแรกที่เราควรทำคือ เตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ

อาทิเช่น สมุดโน้ต ปากกา ไขควงเช็คไฟ ไม้บรรทัด ลูกปิงปอง หรือลูกแก้วหลาย ๆ ลูก

เพื่อใช้ตรวจสอบพื้นเรียบหากไหลรวมกันไปทางไหนแสดงว่าพื้นเป็นหลุม

หากจุดไหนไม่มีลูกแก้วอยู่แสดงว่าพื้นโก่ง หรืออาจจะลองลากเท้าดูว่าเรียบหรือเปล่า

นอกจากนี้ยังมี กล้องถ่ายรูป ชอล์กสีทำเครื่องหมายจุดบกพร่อง

ไฟฉาย สายยาง ถังน้ำ และเศษผ้าใช้ทดสอบการระบายในห้องน้ำ

โดยนำผ้าอุดท่อระบายน้ำแล้วนำน้ำในถังน้ำเทแล้วเอาเศษผ้าออก

เพื่อดูการระบายน้ำว่ามีการท่วมขังหรือไม่

 

โทรศัพท์นั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ควรใช้ 2 เครื่องเพื่อทดสอบการโทร

ส่วนการทดสอบไฟให้นำโคมไฟเล็ก มาใช้ทดสอบ และเหรียญ 10 บาท สำหรับเคาะผนังปูน

เพื่อทดสอบการกะเทาะของปูนตามรอยร้าว ในการแก้ไขต่าง ๆ นั้นควรบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร

เก็บไว้ที่เราชุดหนึ่ง และถ่ายสำเนาให้ผู้รับเหมา “เซ็นรับทราบ” อีกชุดหนึ่ง

และให้ผู้รับเหมา นัดวันตรวจครั้งที่สองในวันนั้นเลย

ตอนมาตรวจการแก้ไขก็สามารถไล่ตรวจตามรายการดังกล่าวได้ทันที

 

โดยการตรวจสอบเบื้องต้นนั้น สามารถทำได้ง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1. ตรวจสอบหมายเลขเข็มหมุดเขตที่ดินทั้งสี่ทิศ

2. เช็คมิเตอร์ น้ำ ไฟ ก่อนโอน และบันทึกหน่วยการใช้ว่าไม่มีค้างชำระ

3. จดรายละเอียดเกี่ยวกับ วิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างที่ลงนามในแบบก่อสร้าง(ชื่อ,นามสกุล,ที่ติดต่อ)

4. นำชอล์กทำเครื่องหมายไว้ ในจุดที่ต้องแก้ไข แล้วถ่ายรูปเก็บไว้

5. ตรวจสอบที่ดินตรงที่จะสร้างบ้านเป็นอะไรก่อนสร้าง สระน้ำ บ่อน้ำ หรือที่ดินเปล่า

6. สอบถามเรื่อง กำหนดการ เก็บขยะ วันเวลา โดยประมาณ รวมถึง ช่วงเวลาที่”เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า และประปา” มาเก็บเงิน

7. ขอใบรับประกันต่างๆ ของบ้าน (ใบรับประกันการมุงหลังคา ฉีดกันปลวก แอร์ ระบบตัดไฟ ปั้มน้ำ เครื่องดูดควัน)

 

8. ขอแบบบ้านพิมพ์เขียว (บางโครงการอาจให้) ระบบประปา สุขาภิบาล ผังไฟฟ้า ผังฐานราก คานคอดิน แบบขยายฐานราก

ควรขอเป็นแบบที่มีการแก้ไขในขณะก่อสร้าง (As-Build Drawing) ด้วยจะดีที่สุด

เพราะจะมีประโยชน์อย่างมากในการแก้ไขซ่อมแซม หรือต่อเติมในอนาคต

 

9. ควรขอรายละเอียดของ Spec เบอร์”สี”ที่ใช้ เผื่อไว้ในเวลาที่ต้องซ่อมแซมทาสีแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ จะได้ไม่เพี้ยนมาก

(แต่ทั่วไป เวลานานๆ ไป สีจะจืดต่อให้ใช้เบอร์เดิม ก็เพี้ยนได้ครับ) ภายในบ้านควรมีกระเบื้องปูพื้นที่ใช้ในบ้าน สำรองเอาไว้

เผื่องานซ่อมเพราะหากไปซื้อทีหลังจะ หารุ่นเดิม สีเดิมไม่ได้แน่นอน

 

10. ตรวจนับจำนวนกุญแจให้ครบถ้วนตามสัญญา

 

11. ให้ความสนใจตรงรอยต่อระหว่างวัสดุกับตรงจุดที่มีการเปลี่ยนของระดับพื้นมากเป็นพิเศษ

อาจเป็นเพราะว่าตามจุดเหล่านั้น มีโอกาสสูงที่งานก่อสร้างมักไม่ค่อยเรียบร้อย

 

12. ก่อนโอนรับห้อง ต้องรอให้งานเรียบร้อยก่อนโอน!!  

 

ต่อจากนั้นให้เราทำการตรวจอย่างละเอียด

โดยสำหรับการตรวจสอบบ้านนั้นจะมีจุดใหญ่ ๆ ดังต่อนี้  

1. ระบบโครงสร้าง

ตรวจเช็คความลาดเอียง รอยร้าวต่างๆ โดยเฉพาะในบริเวณ พื้น คาน เสาซึ่งถือว่าเป็นส่วนโครงสร้างสำคัญที่สุดของบ้าน  

 

2. สภาพภายนอกตัวบ้าน

ตรวจดิ่ง ฉาก ของท่อระบายน้ำ ท่อประปา สภาพของทางระบายน้ำ ถังบำบัด ท่อน้ำทิ้ง และท่อน้ำดี

ท่อต่าง ๆ เหล่านี้มีระยะความลาดเอียงเป็นอย่างไร ระบายน้ำได้ดีหรือไม่

ฝาท่อระบายน้ำเรียบร้อยสวยงามหรือไม่ ผนังบ้านด้านนอกมีจุดที่แหว่งหรือมีสีเลอะเทอะ

หรืองานปูนในส่วนที่เป็นซอกมุมเรียบร้อยหรือไม่ หลังบ้านต้องไม่มีน้ำขังเป็นหลุมเป็นบ่อ

โดยสามารถลองทดสอบได้โดยการเทน้ำราดทดสอบดู  

 

3. งานใต้หลังคา

อุปกรณ์ที่จะต้องใช้ มีไขควงวัดไฟ รองเท้าพื้นยาง และถุงมือหนา กันไฟดูด บันไดยาว สำหรับปีนขึ้นใต้หลังคา

ไฟฉาย กล้องถ่ายรูปตรวจงาน ซึ่งถ้าเป็นหน้าฝนก็จะทำการตรวจสอบส่วนนี้ได้ง่าย

ซึ่งหากไม่ใช่หน้าฝน จะตรวจเช็คได้ลำบาก เพราะต้องหาสายน้ำพร้อมกับเครื่องปั้มน้ำแรงดันสูง

มาตรวจสอบโครงหลังคาว่าได้ฉากได้ระดับหรือไม่ ระยะห่างของแปเป็นอย่างไร การติดตั้ง

และการยึดแผ่นกระเบื้องหลังคาถูกต้องเท่ากันหรือไม่

นอกจากนี้ ให้ดูการซ้อนทับของกระเบื้องถูกต้องตามมาตรฐานการติดตั้ง ความลาดเอียง ครอบสันเป็นอย่างไร

มีแผ่นกระเบื้องบางแผ่นแตก หรือมีการรั่วซึมหรือไม่

 

ไม้ระแนง และไม้เชิงชาย มีการไสแต่งผิวเรียบเนียน มีขนาดสม่ำเสมอกันไหม

และได้ทาน้ำยากันปลวก และรักษาเนื้อไม้หรือไม่  

 

4. ระบบน้ำ

ระบบน้ำนั้นเป็นส่วนสำคัญ ให้เช็คระบบช่องน้ำล้น โดยขังน้ำไว้ในอ่างล้างหน้า อ่างครัว ที่ซักผ้า

โดยขังน้ำให้เต็มดูว่าช่องน้ำล้นทำงานหรือไม่ แล้วปล่อยน้ำไหลออกดูว่าไหลดีหรือไม่

ถ้ามีอาการปุด ๆ แสดงว่าไม่มีท่ออากาศ หรือท่ออากาศเล็กไป

ให้ทดลองใช้พร้อมกัน ดูการแยกน้ำ กดสายชำระดูว่าใช้ดีหรือไม่

นอกจากนั้น ให้เช็คความลาดเอียงของพื้นในส่วนเปียกที่จำเป็นต้องมีการไหลระบายถ่ายเทของน้ำ

ต้องมีความลาดเอียงไปสู่ท่อระบายน้ำ อย่างห้องน้ำ กันสาดลานจอดรถ หรือลานซักล้าง

โดยการเทราดน้ำตามจุดดังกล่าว และดูว่ามีที่ท่วมที่ขังอย่างไรบ้าง ตรงไหนท่วม

และอย่าลืมตรวจสอบปั้มน้ำ และก๊อกน้ำทุกหัวในบ้านว่าน้ำรั่วหรือไม่

สุดท้ายให้เช็คมิเตอร์น้ำ โดยการลองปิด เพื่อดูว่ามีจุดไหนในบ้านรั่วหรือไม่  

 

5. ระบบไฟฟ้า ขั้นตอนการตรวจสอบไฟฟ้า

1. เปิดไฟฟ้าทั่วทุกดวง

 

2. เอาไขควงจิ้มที่น็อต ดูว่ามีไฟรั่วมาที่น็อตหรือเปล่า และใช้ไขควง 4 แฉกเปิดปลั๊กไฟทุกจุด

หรือสุ่มดูว่ามีการเดินไฟเอาไว้กี่เส้นต้องมีสายดินต่อเอาไว้

พอเปิดออกมาแล้วจะเห็นสายไฟต้องมี 3 เส้นพอเสร็จแล้วให้เอาไดร์เป่าผม

หรือโคมไฟเสียบแล้วลองใช้ดูว่ามีปลั๊กไฟอันไหนบ้างไม่มีไฟ

 

3. ตรวจสอบห้องน้ำมีการเดินสายไฟเอาไว้ให้สำหรับเครื่องทำน้ำอุ่น หรือยัง

หากห้องไหนมีอ่างอาบน้ำแล้วจำเป็นต้องใช้เครื่องทำน้ำร้อน

ก็ให้เดินสายไฟให้ก่อนที่จะทำการตรวจรับมอบบ้าน หรือเป็นไปได้ให้เขียนในสัญญาว่าให้เดินสายไฟให้ฟรี

การเดินสายไฟให้เดิน 3 เส้น (มีสายดิน) แล้วที่สำคัญ ต้องมี Breaker ให้ด้วย

 

4. ปีนไปดูใต้หลังคา โดยให้ปิด Main Breaker แล้วเอาไฟฉายขึ้นไปดูว่ามีการร้อยสายไฟเอาไว้ในท่อให้เรา หรือเปล่า

หากไม่มีให้ทำด้วย รวมถึงใต้ฝ้า เพราะหากหลังคารั่วน้ำมาโดนสายไฟจะเป็นอันตรายกับบ้าน

และเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ สายไฟ MAIN อย่างน้อยต้องเป็น 16 square/mm

หากสูงกว่านี้ได้ยิ่งดี นอกจากนี้ ต้องไม่มีรอยทำการตัดต่อเป็นอันขาด

หากมีการตัดต่อให้ทางโครงการเปลี่ยนให้ เพราะอันตราย มีโอกาสที่ไฟฟ้าลัดวงจรแล้วเกิดเพลิงไหม้ได้สูง

 

5. ปิดไฟให้หมดทั้งบ้าน (ไม่ต้องปิด Main Breaker) แล้วไปดูที่มิเตอร์ไฟว่ามีไฟวิ่งอยู่หรือเปล่า

หากมิเตอร์ยังวิ่งแสดงว่ามีไฟรั่วให้ทำการตรวจหาแล้วทำการแก้ไขเสียก่อน

 

6. หากทางโครงการแถมติดแอร์ให้ฟรี ให้เปิดแอร์ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะสามารถเปิดได้

โดยเปิดให้หมด พร้อมกันทุกตัว สักประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วเดินไปดูที่มิเตอร์ไฟว่ามันวิ่งแบบน่ากลัวหรือเปล่า หมุนติ้วๆ

เพื่อทำการเช็คได้ว่ามิเตอร์จะทำการรับการใช้งานได้หรือเปล่า แอร์ต้องไม่ตัดอุปกรณ์ทุกอย่างต้องไม่ตัด

 

7. ปลั๊กไฟนอกอาคาร ต้องเป็นปลั๊กไฟที่มีตัวปิดกันน้ำให้ด้วยเพราะเวลาฝนตก หรือฝนสาดจะได้ไม่เป็นอันตราย

 

8. กระดิ่งไฟหน้าบ้าน ให้ไขออกมาดูว่าเดินไฟ 3 เส้นหรือเปล่า

เป็นรุ่นที่มียางกันน้ำ หรือมีกล่องครอบกันน้ำหรือเปล่า สำคัญมาก ๆ

เพราะหากกระดิ่งไฟหน้าบ้าน เกิดชื้นขึ้นมา จะทำให้ กล่อง Safe-t-Cut ตัดตลอด

 

9. ดูระบบตัดไฟเมนเบรกเกอร์พร้อมแบ่งชั้นบน-ล่าง มีการต่อสายดินไว้จริง

โดยดูจุดลงสายดินให้เรียบร้อย หรือควรหาไขควงวัดไฟจี้ที่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีสายดินตรงน็อตสักตัวเพื่อหาไฟรั่ว

ทดสอบโดยการปิดไฟทั้งหลังแล้วนั่งดูมิเตอร์  

 

6. งานพื้น

อุปกรณ์ที่ต้องมี ถุงเท้า เหรียญบาท ลูกแก้ว ประมาณ 20-30 ลูก

หรือลองเดินลากเท้าดูว่ามีสะดุด ตรงไหนหรือเปล่า กระดาษกาว กล้องถ่ายรูป

1. ให้เดินลากเท้าเปล่าดูว่ารอยกระเบื้อง แกรนิต หรือหินอ่อนหรือ แผ่นไม้หรือไม้ปาร์เก้ที่ปูนั้นเรียบเสมอดีหรือไม่

หลังจากนั้นให้ใส่ถุงเท้าแล้วเดินลากไปตามพื้นเช่นเดิมจะได้รู้ว่ามีรอยอีกหรือเปล่า และตามร่องที่ปูสะอาดหรือเปล่า

 

2. ใช้เหรียญ 10 บาทเคาะพื้นว่ามีเสียงพื้นโปร่ง หรือเปล่า

หากมีให้นำกระดาษกาวแปะทำเครื่องหมายเอาไว้ หรือใช้ชอล์กกากบาทไว้ แล้วถ่ายรูปเก็บเป็นหลักฐาน

 

3. วางลูกแก้วไปบนพื้นหากเป็นไปได้ ควรวางห่างกันอย่างน้อย 10 เซนติเมตร

แล้วดูว่าลูกแก้วไหลไปทางไหน หากไหลรวมกันแสดงว่า พื้นเป็นหลุม

หากจุดไหนไม่มีลูกแก้วอยู่แสดงว่าพื้นปูด ให้เอากระดาษกาวแปะเอาไว้เหมือนเดิม พร้อมดูยารอยแนวให้เรียบร้อย

 

4. ดูความเรียบร้อยของพื้นโดยให้ความสนใจตรงรอยต่อระหว่างวัสดุกับตรงจุดที่มีการเปลี่ยนของระดับพื้นมากพิเศษ  

 

7. งานกำแพง ผนัง

1. เดินดูกำแพงว่าสะอาดดี หรือไม่ Wallpaper ที่ติดเอาไว้เรียบเสมอกันดีหรือเปล่า

โดยให้เอาหน้าแนบดูกับกำแพงว่าเรียบเสมอกันดีหรือเปล่า มีกำแพงบุบหรือโป่งหรือไม่

 

2. ตามขอบบัวติดผนังให้เอาไม้บรรทัดวางลงกับพื้นแล้วเลื่อนดู หากมีการโป่ง

หรือเว้าตัวของบัวจะเห็นช่องว่างที่อยู่ระหว่างไม้บรรทัด กับขอบบัว

 

3. สีนอกอาคารดูให้ทั่วว่ามีรอยร้าวหรือเปล่า มีรอยน้ำหรือเปล่า หากมีแสดงว่าน้ำรั่วให้หาสาเหตุโดยด่วน

 

4. ตามประตู และหน้าต่างให้ลองเปิดปิดดูทุกบาน ดูว่ามีการทรุดตัวของประตู หรือหน้าต่างหรือไม่

ลองปิดแบบปล่อยให้ประตูปิดเองจะรู้ได้ทันที และให้ปิดประตูแล้วเอาไฟฉายส่องดูว่ามีแสงลอดหรือเปล่า

พร้อมทั้งตรวจดูกุญแจทุกดอกดูว่าใช้งานได้หรือเปล่า

 

5. ประตูรั้วหน้าบ้าน ลงล็อคดีหรือเปล่า สามารถใช้งานได้หรือไม่ ลองเปิดและปิดดู

 

6. ตรวจสอบรอยร้าวกำแพงรั้วบ้าน และดูความเรียบร้อย  

 

8. ระบบฝ้าเพดาน ดาน

ตรวจสอบระบบฝ้าเพดานจะคล้ายกับการตรวจ พื้น และผนัง คือตรวจสอบดูความเรียบร้อยทั่ว ๆ ไป

ระดับการติดตั้ง การเข้ามุม ความเรียบร้อยบริเวณรอยต่อต่าง ๆ และหากมีร่องรอยหยดน้ำอยู่ที่ฝ้าเพดาน

ต้องรีบตรวจสอบหาสาเหตุของรอยดังกล่าวอย่างละเอียด

เมื่อตรวจสอบสภาพภายนอกของฝ้าเพดานแล้ว

ให้เอาบันไดมาปีนดูช่องเปิดของฝ้าเพื่อตรวจสอบ ปูนโป๊ว ระยะโครงต่าง ๆ ว่ามีความเรียบร้อยสม่ำเสมอกันหรือไม่  

 

9. ระบบช่องเปิด-ปิด กลอน ประตู หน้าต่าง กุญแจ

หลักการใหญ่ ๆ ในการตรวจสอบประตูหน้าต่าง และช่องเปิดอื่น ๆ คือ การตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ

เช่น มือจับ กุญแจ บานพับ กลอนประตู หน้าต่าง ติดตั้งในตำแหน่งที่ถูกต้อง ได้แนวได้ระดับถูกต้อง สวยงาม

ตรวจสอบดูกลอนประตูว่าหลวม หรือแน่นไปหรือไม่ ประตู หน้าต่างดังกล่าวเปิดปิดเป็นอย่างไร

ปิดไม่สนิท หรือปิดลำบาก หรือไม่ การยาแนวระหว่างกระจกกับบานประตูเรียบร้อยทั่วถึงหรือไม่

ทดลองใส่กลอนทุกตัวว่าใส่ได้จริง ๆ และเรียบร้อยหรือไม่ กุญแจ ต่าง ๆ เปิดปิดได้จริง ๆ หรือไม่

และดู Door Stop มียางกันกระแทกหรือเปล่า  

 

10. ระบบสุขาภิบาล

ในการตรวจสอบระบบสุขาภิบาลนั้น ควรทดลองใช้งานสุขภัณฑ์ทุกตัว เปิดก๊อกน้ำ จนสุดทุกก๊อก

ดูว่าน้ำไหลดีไหม การหมุนของวาวเป็นอย่างไร ทดลองหมุนเข้า หมุนออก และตรวจเช็คข้อต่อว่ามีรอยรั่วซึมหรือไม่

โดยมีวิธีการเช็ครอยรั่วซึมในจุดที่มองไม่เห็นได้ด้วยการปิดการใช้น้ำทุกตัว

ถ้าวาล์วน้ำยังหมุน หรือปั๊มน้ำยังมีการทำงานถี่ตลอดเวลา

แสดงว่าบ้านท่านมีอาการรั่วซึม ต้องทำการตรวจเช็คโดยด่วน

 

จากนั้นก็ตรวจเช็คระบบช่องน้ำล้นในสุขภัณฑ์ ด้วยการขังน้ำไว้ ในสุขภัณฑ์ ในบริเวณที่ขังได้

เช่น อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ อ่างครัว ที่ซักผ้า ทดลองขังน้ำไว้ให้เต็ม ดูว่าช่องน้ำล้นทำงานหรือไม่

เสร็จแล้วปล่อยน้ำออกในทันทีดูว่าน้ำไหลได้สะดวกหรือไม่ ถ้ามีอาการ ปุด ๆ

แสดงว่า ไม่มีท่ออากาศ หรือท่ออากาศตัน หรือท่ออากาศเล็กไป และถ้าอยู่ในห้องน้ำเดียวกัน

ให้ทดลองเปิดน้ำออกพร้อมกัน เพื่อดูว่า การแย่งกันไหลออกของน้ำ มีผลอย่างไร

จะให้ดีให้ลองกดชักโครกทดสอบการใช้งานไปพร้อม ๆ กันด้วย ยิ่งดีครับ เพื่อให้ระบบน้ำแย่งกันใช้งาน ให้มากที่สุด

และสังเกตด้วยว่าน้ำในชักโครกไหลคล่องหรือไม่

 

ตลอดจนทดสอบกดสายชำระทุกอัน ดูว่าใช้งานได้ดีหรือไม่

จากนั้นให้เอาถังน้ำที่เตรียมไว้มา รองน้ำให้เต็ม แล้วค่อยๆ เทลงพื้นห้องน้ำเพื่อให้น้ำไหลลงท่อระบายน้ำ

ถ้าทำได้ให้เอาผ้าอุดที่รูระบายน้ำพื้น ให้น้ำขัง แล้วค่อยปล่อยน้ำให้ไหล ดูว่าการระบายน้ำที่พื้น เป็นอย่างไร

สุดท้ายลองตรวจสอบดูตามจุดอับ จุดซ่อนเร้นต่าง ๆ

เช่น บริเวณใต้เคาร์เตอร์ว่าช่างเก็บงานเรียบร้อยหรือไม่

ตรวจสอบปากท่อระบายน้ำทุกที่ ไม่ควรมีวัสดุหรือรอยปูนตกค้างอยู่

 

ขอขอบคุณความรู้จาก infinitydesign.in.th

 

- โปรดอ่านต่อหน้าถัดไป -

 

ไปหน้า..สารบัญเรื่องจริงผ่านเน็ท
ประสบการณ์สร้างบ้านของเจ้าของบ้าน