ลุงทอม มาแว้วววว! 🎉
วันนี้ลุงทอมจะขอพกแว่นขยายมา วิแคะ เรื่องราวเกี่ยวกับ คุณภาพงาน ที่ระบุไว้ในสัญญา เล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ขำ ๆ และที่สำคัญ… อ่านฟรี ไม่เสียตังค์นะจ๊ะ! 😄
สัญญาสร้างบ้านมักจะเขียนไว้แบบนี้
ผู้รับจ้างตกลงรับจ้างทำงาน งานก่อสร้างโครงการอาคารพักอาศัย ... ชั้น ในแปลงที่ดินที่จะปลูกสร้างตามที่กำหนดดังกล่าว โดยสัญญาว่าจะจัดหาสิ่งของวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือที่มีคุณภาพที่ดีเหมาะสมกับการใช้งาน และช่างฝีมือดี เพื่อประกอบการตามสัญญานี้จนแล้วเสร็จ
อ่า...
ตอนนี้แว่นขยายของลุงทอมพร้อมแล้ว ขอส่องหน่อย 🔍😎
“อุ๊ย! อันนี้ พระเก๊ นี่!!” 😱🛕
“พระเก๊อะไรของลุง!?” 🤨 ลุงกำลังจะพูดถึงคุณภาพงานในสัญญา ไม่ใช่เหรอ!?
โทษทีว่ะ.. หยิบแว่นขยายทีไร คิดว่าจะส่องพระทุกที
เอ้า! ฟัง ๆๆ ลุงทอม พร้อมวิแคะ แล้วนะจ๊ะ” 🔍😂
🔧 คำว่า “วัสดุที่มีคุณภาพดี”
โอว…ฟังดูดี๊ดีเลยครับ เหมือน กล่องของขวัญหรู ๆ ที่ดูดีมาก แต่พอเปิดออกมา… แทบหงายหลัง 😅
(เหมือนหวังจะได้กระเป๋าแบรนด์เนม แต่เจอผ้าเช็ดหน้าลายหมีโผล่มาแทน)
เพราะหลายท่านยังไม่ทันเฉลียวใจว่า คำว่า “วัสดุคุณภาพดี” แบบลอย ๆ เนี่ย… มันต้อง กำหนดสเปกให้ชัดเจน ทั้งยี่ห้อ + รุ่น
ถ้าไม่ระบุให้ชัด “ดีของเรา” กับ “ดีของผู้รับเหมา” จะคนละจักรวาล ทันที
และที่สำคัญสุดคือ… ❌ หลีกเลี่ยงคำว่า “เทียบเท่า” ให้ไกลที่สุด! เพราะพอเขียนคำว่า “เทียบเท่า” ลงไปปุ๊บ… พระเอก - วัสดุตัวจริง จะไม่เคยโผล่มาหน่วยงานเลยครับ
มีแต่ พระรอง อย่าง “วัสดุเทียบเท่า” ที่เข้าฉากแทนอยู่ตลอดเวลา บางทีพระรองนี่ออกซะจนลืมไปเลยว่า ตกลงเราเคยเลือกพระเอกยี่ห้ออะไร 🤣
สุดท้ายงานที่ได้ก็เหมือน ละครทีวี low budget ที่พระเอกออกสองฉาก พระรองเข้าทุกซีน ส่วนคนดู (เจ้าของบ้าน) ก็นั่งลุ้นว่า “เมื่อไหร่พระเอกของตรูจะโผล่มาสักที!?”
🧱 เคสจริง: คอนกรีตนอกบท (ลุงได้ยินมากับหู!)
เรื่องนี้ถือเป็น บทเรียนมีราคา แต่ครูดันเป็น “ผู้รับเหมา” ไม่ใช่อาจารย์ 😅
ใน บีโอคิวแนบท้ายสัญญา ของผู้รับเหมารายหนึ่ง เขียนไว้ว่า ใช้คอนกรีตกำลังอัด 240 กก./ตร.ซม. (ทดสอบด้วยแท่งทรงกระบอก)
ราคาในบีโอคิวก็หรูหรามาก – คิวละ 2,500 บาท ทั้งที่ตอนนั้น คอนกรีตซีแพค ราคาเพียง 2,150 บาท เท่านั้น
แต่…พอถึงวันเทจริง ผู้รับเหมาก็ลาก คอนกรีตยี่ห้อรอง ถูกกว่าซีแพคประมาณ 200 บาท มาเทเฉยเลย
เจ้าของบ้านอ้าปากค้าง… แล้วถามว่า “อ้าว ทำไมไม่ใช้ซีแพคมาใช้ล่ะครับ!?”
ผู้รับเหมาทำหน้าใสซื่อ แล้วตอบว่า: “ก็สัญญาไม่ได้ระบุว่ายี่ห้ออะไรนี่ครับ” 😐
โอ้โห… ตอนนั้นผมนี่อยากจะยื่นปากกาให้เจ้าของบ้านเซ็นในใจว่า “ผมพลาดเองครับ”
เพราะต่อให้บีโอคิวราคาแรงแค่ไหน ถ้าไม่ระบุยี่ห้อ ผู้รับเหมาจะมองว่านี่คือช่องทำกำไรให้ตัวเองแบบเนียน ๆ
เรียกได้ว่า… สัญญาไม่ได้กำหนด แต่ผู้รับเหมากำหนดยี่ห้อเอง — และเลือกอันที่กำไรดีที่สุดให้ตัวเองเสมอ
แล้วคำว่า “ช่างฝีมือดี” ล่ะ?
ส่วนคำว่า “ช่างฝีมือดี” นี่ก็ไม่เบาครับ ฟังดูเท่เหมือนประกาศหาช่างในหนังอินเดีย…
แต่พอถามจริง ๆ ว่า.. “ดีแค่ไหน? ดีแบบไหน? แล้ววัดจากอะไร?”
อ้าว…ตอบกันไม่ค่อยได้ 😂
เพราะคำว่า “ช่างฝีมือดี” ถ้าไม่กำหนดเกณฑ์ไว้ให้ชัด มันก็เปิดช่องให้เกิดดราม่าได้ง่ายมาก
เช่น ลูกค้าบอกว่า “งานไม่ดี เพราะช่างไม่ดี” แต่ผู้รับเหมาก็สวนกลับได้ว่า “ดีแล้วครับ ดีตามมาตรฐานช่างของผม!” 😅
สุดท้ายก็เถียงกันไม่จบ…เพราะต่างฝ่ายต่าง “ดี” ไม่เหมือนกัน
เรื่องคุณภาพงานสร้างบ้าน
ที่นี้…เราจะมาคุยกันเรื่อง คุณภาพงานสร้างบ้าน กัน แบบเข้าใจง่าย ๆ นะครับ 😊 คุณภาพงานเนี่ย มันประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก
- ช่างฝีมือดี
- วัสดุก่อสร้างดี
- วิธีการก่อสร้างดี
สามสิ่งนี้รวมกัน…บ้านถึงจะออกมาดีจริง ไม่ใช่ดีแต่ในรูปตอนเสนอราคา 😅
ส่วนเรื่อง ช่างฝีมือดี กับ วัสดุดี ลุงทอมพูดไปยาวเหยียดแล้วก่อนหน้านี้ (จนคนอ่านอยากไปซื้อแว่นขยายมาใช้ตามลุงแล้วมั้ง) งั้นตอนนี้…ลุงจะพาไปดูเรื่องที่คนมักมองข้าม แต่โคตรสำคัญ นั่นคือ…
🔧 “วิธีการก่อสร้างที่ดี”
ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า…แบบก่อสร้าง เขากำหนด “สิ่งที่ต้องทำ”แต่ไม่ได้กำหนด “วิธีทำ” ว่าต้องทำยังไง
พูดง่าย ๆ คือ แบบก่อสร้าง บอกปลายทาง แต่ไม่บอกว่า จะเดินไปยังไง
เพราะงานหลายส่วนของบ้าน มันก่อสร้างได้หลายวิธี
- วิธีแพง
- วิธีถูก
- วิธีเร็ว
- วิธีหยาบ
- วิธีเนียน
- วิธีแอบเนียน 😅
- วิธีที่ผู้รับเหมา “กำไรดี๊ดี”
เมื่อสัญญาก่อสร้างไม่พูดถึงวิธีการทำงานเลย ผู้รับเหมาจะเลือกวิธีไหนล่ะครับ?
แน่นอนครับ…เลือกวิธีที่กำไรเขามากที่สุด ไม่ใช่วิธีที่ผลงานดีที่สุดหรอก
จะให้ผู้รับเหมาเลือกวิธีแพง ทั้งที่สัญญาไม่บังคับก็ใช่เรื่องเนอะ?
ทีนี้ ปัญหามาอยู่ตรงนี้ครับ… เจ้าของบ้านส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิค เห็นงานออกมาก็พอรู้ว่า “เรียบร้อยดี” แต่ไม่รู้ว่าเรียบร้อยเฉย ๆ หรือเรียบร้อยแบบ “วิธีลัด”
สรุปคือ…ถ้าไม่ระบุวิธีการทำงานในสัญญาให้ชัดเจนบ้านก็จะสร้างด้วย “วิธีของผู้รับเหมา” ไม่ใช่ “วิธีที่เจ้าของบ้านคิดว่าเขาทำให้”
เพื่อลดความกำกวมแบบนี้ ลุงทอมแนะนำว่า…
✔️ ต้องมี KPI ให้ชัด วัดได้ จับต้องได้
ไม่ใช่ดีด้วยความรู้สึก แต่ดีด้วยหลักฐานครับ
ตัวอย่าง KPI ง่าย ๆ ที่ลุงชอบใช้ก็คือ “โปสเตอร์มาตรฐานฝีมือช่างของซีเล็คคอน” 🎯
โปสเตอร์อะไร? ทำไมสำคัญ?
โปสเตอร์นี้เป็นของดีระดับตำนานครับ 😄 เป็นโปสเตอร์ขนาด A3 มีประมาณ 1,400 แผ่น เล่าเรื่องด้วยภาพว่า แต่ละชิ้นส่วนของบ้าน ช่างต้องทำอย่างไร ตั้งแต่วิธีทำงาน → วิธีวางงาน → หน้าตางานที่เสร็จแล้วควรเป็นอย่างไร
พูดง่าย ๆ คือ… ช่างจะได้ไม่ต้องเดา, เจ้าของบ้านจะได้ไม่ต้องลุ้น, ผู้รับเหมาจะได้ไม่มีข้ออ้าง
และเวลาตรวจงาน ก็ไม่ต้องเถียงกันว่า “ดีหรือไม่ดี?” เพราะเราเปิดโปสเตอร์เทียบกันได้เลย ว่า “แบบนี้แหละ ดีตามมาตรฐานที่ตกลงกันจริง ๆ”
📝 สรุปสาระสำคัญของข้อวิเคราะห์
- ถ้าไม่กำหนดสเปกวัสดุให้ชัดเจน (ยี่ห้อ รุ่น คุณสมบัติ)
- และไม่กำหนดมาตรฐานฝีมือช่างให้ตรวจวัดได้
- รวมถึง ไม่ระบุวิธีการก่อสร้าง ว่าต้องทำ “อย่างไร” ถึงจะได้งานที่ดี
สามอย่างนี้จะกลายเป็น ช่องโหว่ใหญ่ในสัญญา ทันทีครับ
ผลลัพธ์ก็คือ…ผู้รับเหมาจะตีความแบบ “กำไรเขามากที่สุด”เจ้าของบ้านจะตีความแบบ “งานดีตามที่ฉันคิด”ส่วนงานที่ออกมา…มักจะไปอยู่ตรงกลางระหว่างสองคนนี้ซึ่งไม่ตรงใจใครเลย 😅
โปรดติดตามตอนต่อไป