โดย หมอโจ
มุมมองเจ้าของบ้าน ตอนที่ 7
ทำการบ้าน...ก่อนพบสถาปนิก
ผมกลับมาคุยกับแฟนว่า..ได้นัดหมายกับสถาปนิกแล้ว คุณเธอติงแต่เพียงว่า
ทำไมถึงไปหาสถาปนิกไกลจัง
(แถวทวีวัฒนา)
แล้วก็ไม่ว่าอะไรอีก จนผมต้องสะกิดว่าแล้วเราจะไม่ทำการบ้านหน่อยเหรอ
(แฮ่ม...อย่าคิดลึก)
จะสร้างบ้านทั้งหลังโดยให้สถาปนิกออกแบบบ้านของเรา 2 คนทั้งที เราก็
ควรจะรู้ความต้องการของตัวเราเอง และช่วยกันออกความเห็น เพื่อให้ได้
บ้านที่เหมาะกับเราที่สุดสิ
แบบบ้านที่ผมลองร่างเล่นๆ ถ้าพ่อมาเห็นคงน้ำตาไหล
(พ่อครับ..ลูกไม้มันตกไกลต้นไปหน่อย)
หลังจากนั้นครับคุณเอ๋ย !
แฟนผม
หากระดาษมาจดยิกๆ ยังกะโฆษณาบัตรเคทีซี เล่นเอาผมงงว่าอัดอั้นมาจากไหนเนี่ย
ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเราก็เคยคุย ถึงความต้องการของเรามาบ้างแล้ว ก็มีเห็นพ้อง
กันบ้าง,เห็นแย้งกันบ้าง,งอนกัน,ทะเลาะกันก็มี,จะเอานู่น,จะเอานี่ บางอันผมก็
เห็นด้วย..บางอันก็ไม่โอเค บางอันผมชอบเธอบอกไม่เอา
นี่ขนาดมีกัน 2 คนนะ ถ้าอยู่กัน 4-5 คนละ 4-5 ความเห็น ไม่ทะเลาะกัน
ตายเหรอเนี่ย แต่ผมว่าเป็นเรื่องปกตินะ ดีเสียอีกทะเลาะกันตอนนี้ ดีกว่าไป
ทะเลาะต่อหน้าสถาปนิก...อายเค้า
(เดี๋ยวเค้ารู้ว่าผมหงอแฟน)
หลังจากเรียบเรียงเสร็จ..ถึงรู้ว่าความต้องการของเรานี่เยอะจริงๆ จะยัดลงไป
ในบ้านหลังเล็กๆได้ไงเนี่ย !!
อะแฮ่ม..ขออนุญาตเล่า แบ็คกราวด์ของเรา 2 คนสักเล็กน้อยนะครับ รู้จักกัน
ผ่านทางตัวหนังสือมาพักใหญ่แล้ว แต่ยังไม่รู้ความต้องการในการสร้างบ้าน
ของผมกับแฟนเลย
บางคนอาจหงุดหงิด..อ่านบทความมันมาตั้งนานไม่เห็นบอกเลย จะสร้างบ้าน
ขนาดไหน,งบเท่าไหร่,สร้างเมื่อไหร่ (ใจเย็นครับพี่) ของอย่างนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป
ผมเป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิดครับ
(อู้กำเมืองได้เน่อ) ส่วนแฟนเป็นคนกรุงเทพ เรามาเจอกันได้ยังไงเหรอ
จำได้ว่าตอนนั้น...
แฟนสะกิด บอกไม่ต้องละเอียดขนาดนั้นก็ได้เข้าประเด็นหน่อย
(จ๊ะๆ ไม่นอกเรื่องแล้วจ๊ะ)
เอาเป็นว่า..พอคิดจะสร้างบ้าน ก็อยากได้บ้านหลังเล็กๆ 2 ชั้น ไม่ต้องใหญ่มาก
พื้นที่ใช้สอยประมาณ 250 ตารางเมตร แค่นี้ก็ใหญ่มากสำหรับครอบครัว
ขนาดเล็กแล้วนะ..ผมว่า
มีห้องนอน 3 ห้อง ไว้เผื่อมีลูกในอนาคตซัก 2 คน ห้องน้ำชั้นบน 2 ชั้นล่าง 1
ก็น่าจะพอ อื่นๆพวกห้องครัว รับแขก ทานอาหาร ก็เหมือนบ้านทั่วไปดูๆก็
ไม่ซับซ้อนอะไร แต่ที่เน้นมากๆ ก็คือห้องเก็บของครับ เราต้องการห้อง
เก็บของขนาดใหญ่หน่อย เพราะ “สมบัติที่ไม่ยอมทิ้ง” เยอะมาก
หลังคามุงกระเบื้องรูปว่าว
แบบนี้ครับที่ตอนแรกอยากได้
ผมอยากให้บันไดอยู่นอกบ้าน..อุตส่าห์ไปเก็บรูปถึงภูเก็ตมาให้ดู แต่แฟนบอก
ไม่ชอบ ! จบข่าวเลยครับ
คอนเซ็ปต์ของบ้านที่คิดไว้ อยากให้เป็นบ้านที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ภายในบ้าน
โปร่ง โล่ง เย็นสบายประหยัดพลังงาน เข้ากับกระแสภาวะโลกร้อน
ผมตั้งงบไว้ในใจ 3 ล้าน ตัวเลขนี้มาจากสมมุติฐานว่า..ถ้าค่าก่อสร้างตารางเมตร
ละ 12,000 บาท จริงๆอยากตั้งสูงกว่านี้ แต่ไม่อยากเป็นหนี้หัวบานมาก ส่วน
สไตล์ที่อยากได้นั้น..เปลี่ยนไปมาหลายรอบครับ
แรกๆผมอยากได้สไตล์โมเดิร์นแต่แฟนไม่ชอบ มันดูเหมือนกล่องๆไปหน่อย
และพอหาข้อมูลมาก ๆ เราก็พบว่าบ้านแบบนี้มีจุดด้อย ไม่ค่อยเหมาะกับ
สภาพภูมิอากาศบ้านเราที่มีทั้งแดดทั้งฝน เราก็เลยเลิกสนใจสไตล์นี้ไปเลย
คนที่เห็นแบบบ้านผมแล้วอาจจะ งง อ้าวแล้ว ไอ้ที่โชว์อยู่ในเว็ปนี่มันไม่โมเดิร์น
อีกเหรอ..ครับๆบอกแล้วไง ว่าเปลี่ยนไปมาหลายรอบ
ยังครับ..ยังไม่ละความพยายาม รูปนี้ลงทุนพายเรือแจวถ่ายแถวสัตหีบครับ
ด้วยความหวังว่าเห็นบันไดนอกบ้านหลายๆแบบ แล้วแฟนจะเปลี่ยนใจ
ตอนนั้นก็คิดว่า..สไตล์บ้านที่เหมาะกับสภาพอากาศ แบบกรุงเทพแถบ
ชานเมืองน่าจะเป็นสไตล์ “ทรอปิคอล” หรือ “ไทยประยุกต์” เราก็เลยออก
ตระเวนดูบ้านและหาข้อมูลเกี่ยวกับบ้านสไตล์นี้เป็นหลัก
ช่วงนั้นเวลาว่างจากงาน..ผมก็มักจะเอากระดาษมานั่งขีดๆเขียนๆ ร่างแบบบ้าน
ตามจินตนาการของเรา ภาพที่ออกมาก็มักจะเป็นบ้านที่มีหลังคาจั่วสูงๆ หรือจั่ว
ผสมปั้นหยาชายคายาวๆปูด้วยกระเบื้องรูปว่าวไอยรา ซึ่งแฟนผมชอบมาก
ผมแอบประชดว่า..ใส่กาแลเลยดีมั้ย
เค้าจะได้รู้ว่าเจ้าของบ้านน่ะคนเหนือ
อาศัยว่าผมพอมีฝีมือทางวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก พ่อเป็นครูศิลปะลูกเลยพอได้
อานิสงส์มาบ้าง (ไม่ได้โม้) รูปที่ได้ก็จะเอามาให้แฟนดู แทนที่จะชื่นชมฝีมือเรา
ดันทะเลาะกันอีก
เฉพาะเรื่องบันไดนอกบ้านนี่ งอนกันอยู่เป็นวันครับ สุดท้ายบันไดในฝันของผม
ก็ต้องระเห็จไปอยู่ในบ้านตามระเบียบ
ไม่เอา! บันไดไม่อยากให้อยู่ตรงนี้
ดูซิ Walk in closet ก็ไม่มี
จะเอาที่ไหนแต่งตัวแต่งหน้า ห้องครัวก็ไม่ต้องใหญ่มากนักหรอกใครจะใช้
เค้าทำกับข้าวไม่เป็น..
สงสัยคงต้องเป็นผมแหละครับ
ห้องน้ำก็เยอะ..แล้วใครจะเป็นคนล้าง เค้าไม่มีเวลาหรอกนะ
(ก็คงผมอีกแหละ)
ลานซักล้างเอาไปไว้หลังบ้านนู่น
บลาๆๆ ซักผ้า ล้างจาน
อันนี้ไม่พ้นผมแน่ๆ
เป็นไงครับ... เพื่อนๆคนไหนกำลังจะสร้างบ้าน หรือสร้างอยู่แล้วหัวอกเดียว
กับผมบ้าง น่าจะเยอะอยู่นะ เอาไว้วันหลังจะแอบเขียนตอน “หัวอกพ่อบ้าน” มาให้อ่านกัน
แต่ไม่ว่าความเห็นไม่ตรงกันยังไงสุดท้ายพอมาคุยด้วยเหตุด้วยผลก็
เคลียร์กันได้ครับ บางเรื่องที่ตกลงกันไม่ได้ก็จะเก็บไว้ รอปรึกษาสถาปนิกครับ
ท่าทางสถาปนิก จะต้องทำงานหนักนะ
ขอพูดถึงเรื่องขนาดของบ้านนิดนึงครับ เชื่อว่าหลายคนคงเป็นแบบผม ลังเลว่า
จะสร้างหลังเล็กหรือหลังใหญ่ดี ตอนผมคิดจะสร้างบ้านก็มีหลากหลาย
ความเห็น จากคนรอบข้างครับ
บางคนบอกว่าจะสร้างทั้งที เผื่อถึงอนาคตด้วย สร้างให้ใหญ่ๆเผื่อไว้เลย
ไม่ต้องมาต่อเติมทีหลัง มันวุ่นวายบางคนก็บอกว่า นกน้อยทำรังแต่พอตัว
เอาหลังเล็กๆก็พอ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระมาก
ผมมาคิดดูจริงๆ ครอบครัวขนาดเล็กแบบของเรา อยู่หลังเล็กๆก็พอได้
ไม่ต้องเป็นหนี้มาก
แต่ได้ไปอ่านบทความหนึ่งของ
“ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร” อ่านแล้ว
เห็นด้วยครับ
อาจารย์ท่านบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ เราควรจะมีบ้านที่เกินฐานะสักหน่อย
เพราะเมื่อเวลาผ่านไป เมื่ออาชีพการงานก้าวหน้าขึ้นได้เป็นหัวหน้า หรือ
อยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นบ้านจะได้ดูสมฐานะ แต่ถ้าเลือกบ้านพอดีกับฐานะ
หรือเล็กๆในตอนนี้ พอเวลาผ่านไปอาจจะดูเล็กกว่าฐานะเราในภายหลัง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...ต้องประเมินตนเองด้วยนะครับ ว่าอยู่ในวิสัยที่เป็นไปได้
สามารถหาเงินมาชำระค่างวดได้โดยไม่เป็นภาระจนเกินไป
เพราะเรื่องงบประมาณนี้ เป็นเรื่องสำคัญมาก สำหรับบางคนอาจจะเป็น
เรื่องสำคัญที่สุดในการสร้างบ้านเลยก็มี
ตอนหน้า..จะได้พบกับสถาปนิกแล้ว
ผมนัดกับเค้าที่ออฟฟิศแถวพุทธมณฑล
ไปคุยอะไรกันบ้าง
สัปดาห์หน้าจะมาเล่าครับ
-โปรดอ่านต่อหน้าถัดไป-
ไปหน้าสารบัญ
ประสบการณ์การสร้างบ้าน
22 User Online